ข้อเข่าเสื่อม ใครไม่เป็นไม่รู้ มาดูสาเหตุและวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นกัน

ข้อเข่าเสื่อม ใครไม่เป็นไม่รู้ มาดูสาเหตุและวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นกัน

      ข้อเข่าเสื่อมมักพบได้บ่อยกับคนที่มีน้ำหนักมาก อ้วน คนสูงอายุและคนที่ชอบเล่นกีฬาที่มีการกระแทกของเข่าอย่างรุนแรง มักจะเป็นเรื้อรังไปตลอด

แต่ไม่มีอันตรายร้ายแรง นอกจากการปวดทรมาน ขาจะโก่ง เข่าทรุด เดินไม่ถนัด  สำคัญที่ความเป็นอันตรายร้ายแรงนี้ มักเกิดจากการใช้ยาอย่างผิดๆ 

สาเหตุ

ส่วนใหญ่ของการเสื่อมชำรุดของเข่า มาจากการใช้งานหนัก หรือรับภาระมากเกินไปทำให้มีแรงกระทบกระแทกต่อข้อมากเช่น น้ำหนักตัวมาก เล่นกีฬาหนักๆ  ทำให้กระดูกอ่อนที่บุอยู่ตรงบริเวณผิวข้อต่อสึกหรอ และเกิดกระบวนการซ่อมแซม ทำให้มีปุ่มกระดูกงอกรอบๆ ข้อต่อ ปุ่มกระดูกที่งอกบางส่วน จะหักหลุดเข้าไปในข้อต่อ ทำให้ขัดขวางการเคลื่อนไหวของข้อต่อ และข้อต่อมีเสียงดังเวลาเคลื่อนไหว รวมไปถึงรูปแบบที่เราใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกันอย่างการงอเข่า การเดินขึ้น-ลงบันได การนั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ นั่งยองๆ เป็นต้น จะทำให้เกิดแรง กดดันที่ข้อต่อ เป็นเหตุให้ผิวข้อเสื่อมได้เช่นกัน และเมื่อข้อเข่าเสื่อม ก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบๆ ข้อเข่ามีการอักเสบและอ่อนแอร่วมไปด้วย ทำให้เกิดอาการปวดเข่า เข่าอ่อน (เข่าทรุด) และเมื่อเป็นมากๆ ก็จะทำให้เกิดอาการขาโก่ง

อาการ 

คนที่มีปัญหาเรื่องข้อเข่าเสื่อม อาจมีอาการปวดเข่าได้ทั้งข้างเดียว หรือ 2 ข้างก็ได้อาการที่พบบ่อยจะเป็น อาการปวดเวลาเคลื่อนไหวข้อเข่า ไม่ว่าจะลุกจะนั่งจะรู้สึกขัดยอกในข้อเข่า โดยเฉพาะเวลาเดินขึ้น-ลงบันได หรือเวลานั่งงอเข่านานๆเวลาขยับข้อเข่า จะมีเสียงดังกรอบแกรบในข้อเข่า มักจะเกิดจากการเสียดสีของผิวข้อต่อที่ขรุขระ และจะมีการสะดุด หรือติดขัดในข้อเนื่องจากเศษกระดูกงอกหักหลุดเข้าไปขัดขวางในข้อต่อ

การดูแลตนเอง

1. พยายามหลีกเลี่ยงท่าที่ทำให้ปวดเข่า เช่น การนั่งงอเข่า นั่งยองๆ นั่งพับเพียบ นั่งสมาธิ ควรเน้นนั่งเก้าอี้ แทนการนั่งพื้น

2. ถ้าเดินแล้วรู้สึกปวดเข่า หรือเข่าทรุด ควรใช้ไม้เท้าช่วย หรือมีราวเกาะ

3. ใครน้ำหนักมากให้ลดน้ำหนัก และเน้นไปที่การออกกำลังกายให้มากขึ้นโดยเลือกกิจกรรมออกกำลังกายที่ไม่เกิดแรงกระแทกกับข้อเข่าเช่น “ปั่นจักรยานออกกำลังกาย”

4. ถ้าอาการปวดเข้อเข่าเริ่มน้อยลง ควรบริหารกล้ามเนื้อเข่าอย่างสม่ำเสมอโดยการนั่งบนเก้าอี้ และเหยียดเข่าตรง 5 วินาที ทำซ้ำข้างละ 20 ครั้งสลับไปมาวันละ 3-5 ครั้ง

5. ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาชุด หรือยาลูกกลอน ยาเหล่านี้แม้ว่าอาจจะช่วยบรรเทาปวดได้ดี แต่มักมีตัวยาอันตราย (เช่น สตีรอยด์) ผสม ซึ่งก่อให้เกิดผลร้ายแรงตามมาได้