ที่มา: จักรยานออกกำลังกาย spinbike

จักรยานออกกำลังกายสปินไบท์ Spinbike เป็นเครื่องออกกำลังกายที่ถูกจำลองมาจาก "จักรยานเสือภูเขา" ถูกออกแบบมาให้นักกีฬาจักรยานในต่างประเทศได้ใช้งานแทนการออกไปปั่นข้างนอกเมื่ออากาศหนาวหรือยามมีฝนหรือหิมะตก ทำให้นักกีฬาไม่สามารถที่จะฝึกซ้อมได้ จึงได้มีการจำลองเจ้าตัวนี้ขึ้นมาเพื่อทดแทนการใช้งานการฝึกซ้อมของนักกีฬา
สปินไบท์มีการออกแบบฟังชั่นต่างๆ เพื่อให้ทดแทนกับการใช้งานจักรยานเสือภูเขาให้ได้มากที่สุดตั้งแต่โครงสร้าง โครงสร้างของตัวจักรยานถูกออกแบบให้ระดับเบาะกับระดับแฮนด์อยู่ในระนาบที่ใกล้เคียงกันที่สุด เพื่อให้ท่าทางผู้ใช้งานมีการหมอบก้มตัวคล้ายปรับจักรยานจริงๆ อยู่ ถัดมาระบบแรงต้าน--->ในส่วนนี้ถือว่าทดแทนได้ทั้งเกียร์ของตัวจักรยานและจำลองการขึ้นเขาลงเขาหรือในระยะทางชัน ส่วนสุดท้ายจานล้อหรือ Flywheel ตัวนนี้ทำงานร่วมกับระบบแรงต้านเพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้สมจริงที่สุด ตัวจานล้อสำหรับการใช้งานของนักกีฬาจะมีน้ำหนักที่มากตั้งแต่ 20 kg ขึ้นไป (ซึ่งแล้วแต่การออกแบบในการใช้งานนั้นๆ)
โดยมีความสัมพันธ์กับระบบแรงต้านคือ เมื่อจานล้อที่มีน้ำหนักมากถูกเสียดสีด้วยระบบแรงต้านจะยิ่งทำให้ได้น้ำหนักจากแรงต้านนั้นมากขึ้น ซึ่งเทียบเท่าได้กับการปั่นจักรยานบนทางชันขึ้นเขาของจริงที่ต้องแบกทั้งน้ำหนักตัวและแรงโน้มถ่วงเพื่อปั่นขึ้นไปให้ถึงจุดหมาย
หลังจากที่มีการใช้งานในเฉพาะระดับนักกีฬา (ห้องยิมนักกีฬา) เจ้าจักรยานออกกำลังกายสปินไบท์ ก็ถูกเริ่มนำมาบรรจุในยิมหรือฟิตเนสใหญ่ๆ สำหรับบุคคลทั่วไปที่รักการออกกำลังกายมากขึ้น แต่ในฐานะของเครื่องออกกำลังกายชิ้นนึงแล้วก็ยังไม่ถือว่าแพร่หลายไปมากเท่าที่ควร จนกระทั่งมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ ที่เป็นผู้ออกแบบการออกกำลังกายรูปแบบต่างๆ ได้หยิบจับเจ้าSpinbike นี้ขึ้นมา และออกแบบการขับขี่ใหม่ให้ง่ายและสนุกขึ้นสำหรับใช้งานในฟิตเนสโดยเฉพาะและถูกเรียกกันจนติดปากว่า "Class Spinning
"
คุณสมบัติที่ดีของจักรยานออกกำลังกายสปินไบท์(Spinbike)
คุณสมบัติหลักที่ควรมีในจักรยานออกกำลังกายแบบสปินไบท์ คือ
1. ลักษณะของโครงสร้าง
โครงสร้างต้องใหญ่และปรับระดับได้ในหลายจุดเพื่อให้เหมาะกับสรีระในแต่ละบุคคล จักรยานสปินไบท์จะเน้นไปที่ถ่วงท่าการขี่ โดยที่ระดับหลักอานกับตำแหน่งแฮนด์จับจะอยู่ในระดับเดียวกัน ในขณะที่แต่ละจุดทั้งเบาะและแฮนด์ก็สามารถปรับระดับให้เหมาะกับผู้ขับขี่ได้ในระดับนึง ซึ่งด้วยถ่วงท่าเป็นลักษณะการหมอบ ก้ม หรือการทิ้งตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ร่างกายได้โถมตัวใช้แรงในการปั่นได้มาก
2. Flywheel หรือล้อช่วยแรง
ล้อช่วยแรงตัวนี้เป็นลักษณะของจานน้ำหนักโดยจานในระดับปกติของสปินไบท์นั้นมีให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ 13 15 16 18 20 22 23 แล้วแต่สเปคที่แต่ละโรงงานจะผลิตออกมา ซึ่งในระดับการใช้งานปกติของจักรยานออกกำลังกายสปินไบท์ก็ควรที่จะมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 กิโลขึ้นไป ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้แล้ว
3. น้ำหนักตัวเครื่อง
สำหรับเครื่องออกกำลังกายแล้ว น้ำหนักของเครื่องจะเป็นตัวชี้วัดได้ถึง 80% ทีเดียวว่าเจ้าเครื่องนั้นๆ แข็งแรงรึเปล่า ประมาณว่าถ้าเหล็กโครงสร้างดีแน่นการปั่นก็จะนิ่งทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งน้ำหนักที่ควรเริ่มต้นสำหรับจักรยานออกกำลังกายสปินไบท์นี้ก็ไม่ควรต่ำกว่า 30 Kg ก็จะดี เนื่องจากรูปแบบถ่วงท่าที่ปั่นเป็นการใช้งานที่หนัก ถ้าตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาจะทำให้เวลาขี่เครื่องจะสั่นบ้างหรือส่่ายบ้าง
4. แรงต้านน้ำหนัก
ระบบแรงต้านน้ำหนักที่ดีควรเป็นลักษณะแรงต้านแบบอิสระ มันคือรูปแบบการปรับแรงต้านที่ไม่ทำให้สูญเสียนำหนักของแรงต้านไปเลย ซึ่งแรงต้านแบบนี้จะเป็นลักษณะของการหมุนไล่ระดับไปเรื่อยๆ สามารถพอใจหรือใช้งานได้ในทุกจังหวะที่ต้องการเพราะผู้ใช้งานแต่ละคนแรงไม่เท่ากัน น้ำหนัก ความต้องการ ตัวสูงต่ำไม่เท่ากัน การใช้งานแรงต้านลักษณะนี้จะเป็นรูปแบบที่ดีและถูกต้องที่สุดเพราะเหมาะกับทุกคนและทุกเพศทุกวัย
หมายเหตุ : ด้วยปัจจุบันบางรุ่นมีการออกแบบลักษณะการปรับแรงต้านแบบเป็นเกียร์ออกมาซึ่งจะปรับระดับได้เพียง 8 ระดับ และภายในจังหวะระดับ1 - 2 - 2 - 3 จนถึงระดับสุดท้าย มันทำให้แรงต้านในระดับนั้นหายไปถึง8จังหวะ เพราะการปรับระดับรูปแบบเกียร์ในแต่ละเกียร์ต้องทำให้แตกต่างจึงจะรู้สึกถึงระดับถัดไป ซึ่งแรงต้านรูปแบบนี้นอกจากจะทำให้ไม่สมูธในการปรับจังหวะแล้วยังทำให้แรงต้านในแต่ละจังหวะหายไปอีก การปรับแรงต้านแบบเกียร์จึงถือว่าไม่เหมาะกับจักรยานออกกำลังกาสปินไบท์นักไม่ว่าจะใช้ในบ้านหรือฟิตเนส เพราะเหมือนคุณสมบัติหลักของมันหายไป
ระบบแรงส่งของจักรยานออกกำลังกายสปินไบท์แบ่งได้2ประเภท
1. แบบโซ่: เป็นจักรยานออกำลังกายที่ใช้ระบบส่งกำลังโดยโซ่ เหมือนจักรยานทั่วไปที่ใช้ปั่นกันนอกบ้าน ข้อดีของระบบส่งกำลังโซ่คือเป็นเหล็กมีความทนทานสูงมาก อายุการใช้งานยาวนานเป็น10ปีได้เลยถ้าดูแลรักษาดีๆ แต่เนื่องจากวัสดุที่เป็นเหล็กข้อๆ มาต่อกันทำให้การใช้งานมีเสียงและแรงสะเทือนในระดับเบาขึ้นมาถึงก้นในลักษณะที่รับรู้ได้ จึงทำให้ไม่เหมาะเท่าไหร่กบการนำมาใช้งานในบ้าน
2. แบบสายพาน: เป็นระบบส่งกำลังโดยใช้สายพานวัสดุเป็นยางลักษณะเป็นร่องๆ แตกต่างกันไป บางรุ่นเป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ ข้อดีของระบบสายพานเนื่องจากวัสดุเป็นยางทำให้เวลาปั่นจึงไม่มีเสียงของการสีกันของส่วนต่างๆ ทำให้ระบบส่งกำลังแบบนี้เป็นที่นิยมทั้งในฟิตเนส ยิม หรือในบ้าน
แรงต้านน้ำหนักแบ่งได้ 2 แบบ
1. ผ้าเบรค: แรงต้านโดยใช้ผ้าเบรควัสดุแบ่งได้เป็นแบบ สักราดและแบบหนัง
1.1 วัสดุสักราด เป็นสักราดอัดก้อนแข็ง รูปแบบนี้เป็นรูปบบมาตรฐานที่มีอยู่ในจักรยานออกกำลังกายสปินไบท์ ข้อดีของสักราดคือราคาไม่แพง สามารถเปลี่ยนได้เองไม่ต้องตามช่างมาเปลี่ยนให้ ข้อเสียคือจะมีเสียงจากการเสียดสีกับล้อเหล็กทำให้เกิดเสียงในระดับนึง
1.2 วัสดุหนังเป็นหนังแผ่นหนาข้อดีของหนังคือลดเสียงลงได้มากกว่าก้อนสักราดอัด อายุการใช้งานก็จะยาวนานกว่า
2. แม่เหล็ก: ใช้แรงต้านด้วยแม่เหล็กลักษณะการดูดใกล้กับจานเหล็ก ข้อดีคือไม่มีการเสียดสีกับจานล้อหรือส่วนใดๆ จึงไม่ทำให้เกิดเสียงทำให้ทุกขณะที่ปั่นเงียบแบบไร้เสียง มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าผ้าเบรคมาก แต่การMaintenance ราคาอะไหล่ก็จะสูงตามไปด้วย